สายแก๊สแรงดันสูง คือ สายที่ใช้ในการส่งลมและแก๊สที่มีแรงดันสูง มักใช้กับงานเชื่อมแก๊ส และงานตัดโลหะในงานก่อสร้าง อีกทั้งยังใช้ในการผลิตภายในโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย และยังใช้ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อเกจวัดแรงดันลม และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบลม สายแก๊สแรงดันสูง จะต้องมีความทนทานต่อการใช้งานมาก ๆ โดยที่จะต้องทนต่อการหักงอ เสียดสีจากลมที่มีแรงดันสูงได้ 

สายแก๊สแรงดันสูงต้องมีคุณภาพ และการใช้งานที่ปลอดภัย

สายแก๊สแรงดันสูง จะต้องได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะมาตรฐาน มอก. เพื่อผู้ทำให้มั่นใจได้ว่าสายแก๊สจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย​ต่อการใช้งานจริง และต้องมีความแข็งแรง ทนทาน ในการใช้งาน ดังนี้ 

1. ทนต่อการติดไฟ

ต้องมีความแข็งแรงทนทานต่อการติดไฟ ทนต่อความร้อน และมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ เพราะสายแก๊สแรงดันสูงมักใช้ร่วมกับงานเชื่อมแก๊ส ที่เต็มไปด้วยเชื้อเพลิง โดยเสี่ยงต่อการติดไฟได้ตลอดเวลา อุปกรณ์ที่นำมาใช้ร่วม เช่น ถังแก๊สเชื้อเพลิง ถังออกซิเจน และอุปกรณ์แรงดันสูง 

2. ทนต่อแรงดันสูง

ต้องทนทานรับต่อสภาวะลมที่มีอัตราแรงดันสูง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะต้องใช้งานร่วมอุปกรณ์ส่งผ่านลมและแก๊ส ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม  

3. ทนทานต่อการเสียดสี  

สายแก๊สแรงดันสูง ผลิตขึ้นจากวัสดุที่ผสมยางสังเคราะห์คุณภาพสูง และมีการเสริมใยด้ายถักละเอียดเป็นชั้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความทนทานต่อการเสียดสี ทนต่อแรงบิด มีความยืดหยุ่นสูง และในขณะเดียวกันก็จะต้องมีน้ำหนักเบา ทำให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง  

4. ทนทานต่อสภาวะอากาศต่าง ๆ 

สายแก๊สแรงดันสูง ผลิตขึ้นจากการนำยางธรรมชาติผสมยางสังเคราะห์ และมีการเสริมใยด้ายทอละเอียด ทำให้มีคุณสมบัติที่ทนทานต่อโอโซน และสภาวะอากาศ แสงแดด และอุณหภูมิความร้อนได้ดี ทำให้ใช้งานได้ปลอดภัย 

5. รองรับอุณหภูมิการใช้งานที่แตกต่างกัน  

สายแก๊สแรงดันสูง  แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อล้วนมีคุณสมบัติในการรองรับอุณหภูมิที่ไม่เท่ากัน แนะนำให้คุณเลือกซื้อสายแก๊สแรงดันสูง ที่รองรับอุณหภูมิการใช้งานร่วมกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานให้ดี จึงจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด และตามปกติทั่วไป สายแก๊สแรงดันสูงจะทนทานต่ออุณหภูมิการใช้งานได้ตั้งแต่ -25 องศาเซลเซียส ไปจนถึง อุณหภูมิ +80 องศาเซลเซียส

สรุป สายแก๊สแรงดันสูง มีการนำไปประยุกต์ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องมีการเชื่อมหรือตัดเหล็ก และโลหะชนิดต่าง ๆ เช่น งานเหมืองแร่ ปั๊มน้ำมัน ปั๊มลม อู่ต่อเรือ อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อู่ซ่อมรถ และอื่น ๆ